สิ่งสำคัญที่ควรทำเป็นอันดับแรกคือการเลือกหรือกำหนดหัวข้อที่จะนำเสนอ ซึ่ง TED ก็ได้แนะนำว่าให้กำหนดหัวข้อที่จะพูดโดยอิงจาก 4 คำถามนี้
คำถามสุดท้ายนั้นสำคัญมาก ๆ เพราะถ้าคุณหลงใหลในหัวข้อที่จะนำเสนอมากเท่าไหร่ มันก็จะช่วยให้เขียนคำพูดหรือรายละเอียดต่าง ๆ ที่จะนำเสนอได้ง่ายขึ้น แถมมันยังจะทำให้คุณมีความมั่นใจตอนจะนำเสนอมากขึ้นด้วย
การกำหนดประเด็นสำคัญสำหรับผู้ฟังก็เปรียบเหมือนการเปิดเรื่องในนิยายที่จะชวนให้คนอยากอ่านต่อหรือปิดมันลง TED แนะนำว่าให้สรุปเป็นประโยคเดียว มันอาจจะฟังดูยาก แต่ท้ายที่สุดสิ่งนี้มันจะบังคับให้คุณจำกัดข้อความในการนำเสนอได้ดี และมันจะช่วยให้ผู้ฟังจดจำคำพูดของคุณได้ง่ายขึ้น
คุณสามารถดูตัวอย่างการพูดได้จากคลิป Dangerous times call for dangerous women | Pat Mitchell หรือ To help solve global problems, look to developing countries | Bright Simons เป็นต้น สองคลิปนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่จะทำให้คุณเข้าใจว่าหัวข้อหลักหรือการกำหนดประเด็นสำคัญนั้นเป็นอย่างไร
โดยเริ่มจากการรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง และหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่จะนำเสนอ แล้วสรุปมันออกมาให้น่าสนใจ ซึ่ง TED ก็ได้แนะนำว่าควรจะสรุปออกมาให้เป็นคำพูดของคุณ หรือเป็นเรื่องราวที่น่าฟังมากกว่าการบรรยายแบบแห้ง ๆ เพราะเรื่องราวที่น่าฟังจะทำให้ผู้ฟังรู้สึกมีส่วนร่วม และพวกเขาจะจดจำได้ดีกว่าด้วย ทั้งนี้คุณสามารถใส่เรื่องราวที่เป็นประสบการณ์ส่วนตัวได้ด้วย
Andrew Stanton นักเขียนบท นักพากย์ และผู้กำกับภาพยนตร์ เขาเคยขึ้นเวที TED Talks ในปี 2012 และได้เปิดเผยเคล็ดลับเกี่ยวกับการเล่าเรื่องไว้ว่า วาดสิ่งที่รู้และเข้าใจออกมา ผมไม่ได้หมายถึงโครงเรื่องหรือข้อเท็จจริงเท่านั้น แต่หมายถึงการรวบรวมความจริงจากประสบการณ์ของคุณด้วย เพราะมันจะแสดงคุณค่าได้มาก และคำพูดของคุณควรมีจุดเริ่มต้น ตรงกลาง และจุดสิ้นสุดด้วย
นอกจากบทพูดในการนำเสนอแล้ว คุณก็ต้องคำนึงถึงเรื่องของสไลด์หรือภาพประกอบด้วย TED แนะนำว่า ควรทำให้เรียบง่ายเข้าไว้ เป้าหมายของสไลด์คือการเพิ่มสิ่งที่คุณพูดให้เห็นภาพมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่การเบี่ยงเบนความสนใจนะ พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ภาพ GIF หรือภาพที่อาจทำให้ผู้ฟังเสียสมาธิได้ แต่ถ้าคุณรู้สึกว่ามีบางคำพูดที่อาจจะดูไม่น่าสนใจ การใช้ภาพเข้ามาช่วยเพื่อให้ผู้ฟังรู้สึกมีส่วนร่วมกับข้อมูลที่พูดคือเทคนิคที่ดี นอกจากสไลด์นำเสนอแล้ว ในวันจริงคุณก็ควรตรวจสอบเสื้อผ้า ภาษากาย จังหวะการพูดให้ดีด้วย เพราะทั้งหมดนี้ถือเป็นทีมเวิร์คที่จะต้องทำงานร่วมกันเวลานำเสนอ
PowerPoint เป็นโปรแกรมที่มีพื้นหลังให้เราเลือกใช้มากมาย แต่การใช้พื้นหลังที่ถูกกำหนดมาแล้วก็อาจจะดูจำเจหรือน่าเบื่อได้ ถ้าคุณอยากให้งานนำเสนอดูโดดเด่นและไม่เหมือนใครอาจเลือกใช้พื้นหลังที่กำหนดเอง ซึ่งสไลด์นำเสนอของ TED Talks มักใช้พื้นหลังที่กำหนดเอง โดยจะเลือกใช้พื้นหลังที่มีเอกลักษณ์แต่มีความละเอียดอ่อน คือไม่เลือกพื้นหลังที่จะเบี่ยงเบนความสนใจจากข้อความ และพื้นหลังควรมีความกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมของการนำเสนอด้วย
หากคุณเคยดู TED Talks ทางออนไลน์ คุณอาจสังเกตเห็นว่างช่วงการเปลี่ยนภาพในสไลด์ของพวกเขาจะดูนุ่มนวลมากกว่า นั่นเป็นเพราะการเลือกใช้ทรานซิชันแบบนุ่มนวลหรือการเลื่อนแบบนุ่มนวล ซึ่งจะช่วยให้เวลาเปลี่ยนหน้าสไลด์รู้สึกสมูทและเป็นหนึ่งเดียวกัน นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้การเคลื่อนไหวเล็กน้อยเพื่อเพิ่มสิ่งที่ละเอียดอ่อนให้กับการนำเสนอได้ด้วย แต่ไม่ควรใช้เอฟเฟกต์พวกนี้มากเกินไป ควรใช้อย่างพอดีและให้เหมาะสมกับงานจะดีที่สุด
หลายคนอาจนำเสนอแนวคิดมากมายไว้ในสไลด์เดียว เพราะมันอาจดูเหมือนมีประสิทธิภาพที่จะมีข้อมูลอัดเแน่นเยอะ ๆ แต่ความเป็นจริงผู้ฟังอาจรู้สึกเหนื่อยล้าหรือคิดว่ามันไม่น่าฟังเอาซะเลย เพราะฉะนั้นสไลด์ของ TED Talks จึงมักมีแค่แนวคิดหลักประเด็นเดียวในแต่ละหนึ่งสไลด์ วิธีนี้จะช่วยให้ผู้ฟังตั้งใจและซึมซับได้ดีกว่าการอัดทุกอย่างลงไปในสไลด์หน้าเดียว
อย่านำรูปภาพที่ไม่มีความคมชัดมาใส่ในสไลด์นำเสนอ และควรคำนึงถึงเรื่องลิขสิทธิ์ด้วย ภาพบน Google หลาย ๆ ภาพมักมีลิขสิทธิ์ ถ้าคุณต้องการใช้ก็ควรติดต่อเจ้าของภาพและขออนุญาตหรือทำการซื้อภาพก่อน ซึ่ง TED Talks ก็ได้แนะนำวิธีหาภาพที่คมชัดมาใช้ในสไลด์ด้วยการใช้ภาพที่แจกฟรีอย่างในเว็บไซต์ Pixabay, Freepik หรือ Unsplash เว็บพวกนี้สามารถนำภาพมาใช้ได้ฟรีโดยไม่ต้องเสียเงินหรือขออนุญาตใด ๆ ส่วนไอคอนต่าง ๆ ก็มีให้ดาวน์โหลดฟรีเหมือนกัน คลิกที่นี่
อยากอัปสกิลการทำพรีเซนเทชั่นให้เก่งมากขึ้น อยากเรียนรู้เทคนิคดี ๆ ในการทำสไลด์ PowerPoint ขอแนะนำคอร์ส Shortcut PowerPoint Design คอร์สเรียนที่จะสอนเทคนิคของมืออาชีพในการออกแบบสไลด์พรีเซนเทชั่นให้ดูสวย น่าสนใจ อ่านข้อมูลง่าย และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกงาน
ที่มาข้อมูล