การยิงแอด Facebook ให้มีประสิทธิภาพ นอกจากจะยิงแอดได้ตรงตามจุดประสงค์ที่วางไว้แล้ว ต้องวิเคราะห์แอดให้เป็นด้วย เพื่อจะได้รู้ว่าแอดที่ลงไปนั้นมีประสิทธิภาพ คุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปหรือไม่ ซึ่งก่อนจะวิเคราะห์ได้นั้นก็จะต้องรู้จักตัวชี้วัดต่าง ๆ ที่ใช้ในการวิเคราะห์ Facebook ads ด้วย
วัตถุประสงค์ในการยิงแอดของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป บางคนยิงแอดเพื่อต้องการขายสินค้าและทำให้เกิดการปิดการขายได้ บางคนยิงแอดเพื่อสร้างการรับรู้ ต้องการให้โพสต์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย หรือเกิดการมีส่วนร่วม กดไลก์ คอมเม้นต์ แชร์ ดังนั้นในการวิเคราะห์ Facebook ads ว่าแอดที่เรายิงไปนั้นมีประสิทธิภาพหรือคุ้มค่าหรือไม่ จึงต้องใช้ตัวชี้วัดที่สอดคล้องตามวัตกุประสงค์นั้นด้วย บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักตัวชี้วัดสำคัญที่ใช้ในการวิเคราะห์ Facebook ads กัน
จำนวนครั้งที่มีคนเห็นแอดเรา โดยจะนับทุกครั้งที่แอดนั้นแสดงขึ้นแม้ว่าคนที่เห็นจะเป็นคน ๆ เดียวกันก็ตาม เช่น A เห็น 2, B เห็น 1, C เห็น 1, D เห็น 3 ค่า Impression จะเท่ากับ 7 ถ้าค่า Impression สูง แต่ยังไม่เกิด action ใด ๆ แปลว่าจะต้องไปปรับปรุงแอดนั้น
ความถี่ในการเห็นแอดต่อคน หรือคน ๆ หนึ่งเห็นโฆษณาของเรากี่ครั้ง ถ้าค่าความถี่สูงหมายความว่าคนเห็นแอดของเราบ่อย ซึ่งอาจจะทำให้จำเราได้ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นข้อดีเสมอไป เพราะถ้าเห็นบ่อยมากเกินไปก็อาจทำให้รู้สึกรำคาญได้ และยิ่งถ้าเห็นซ้ำ ๆ แล้วยังไม่เกิด action ใด ๆ เช่น ไม่คลิก ไม่มีส่วนร่วม กดไลก์ เม้นต์ แชร์เลย ก็จะทำให้ค่าโฆษณาแพงขึ้นด้วย
คือ ผลตอบแทนจากค่าโฆษณาที่จ่ายไป หมายความว่า เมื่อใช้เงินจ่ายค่าโฆษณาไปแล้วได้เงินกลับมากี่เท่า โดยคำนวณจากยอดขายหารด้วยค่าโฆษณา โดยเราเองจะต้องกำหนดว่าสามารถจ่ายค่าแอดได้กี่เปอร์เซ็นต์จากราคาขาย เพื่อหาเกณฑ์ของค่า ROAS ที่เหมาะสม เช่น ค่าแอด 20% ROAS ที่ต่ำสุดคือ 100/20 = 5 ดังนั้นถ้าแอดตัวไหนมีค่า ROAS ต่ำกว่า 5 แปลว่าไม่โอเคให้ปิดได้เลย ค่า ROAS มากยิ่งดี
อัตราการคลิกต่อจำนวนคนเห็นทั้งหมดซึ่งจะแสดงเป็นเปอร์เซนต์ เช่น CTR = 8% หมายความว่าแสดงโฆษณาไป 100 ครั้ง มีคนคลิก 8 ครั้ง เป็นค่าที่บอกว่าแอดหรือคอนเทนต์ตัวนั้นมีความน่าสนใจดึงดูดให้คนมาคลิกได้หรือไม่ ถ้าค่า CTR สูงแสดงว่าคอนเทนต์ที่ยิงแอดไปนั้นดี น่าสนใจ จึงมีคนคลิก
คือ ต้นทุนต่อการแสดงผล 1000 ครั้ง เช่น ถ้า CPM 500 บาท แปลว่าเราต้องจ่ายเงิน 500 บาทเพื่อให้มีคนเห็น 1000 ครั้ง ดังนั้นต่อหนึ่งคนที่เห็นต้องจ่าย 0.5 บาท โดยค่านี้จะบอกว่าแอดของเราเข้าถึงคนได้มากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับเงินที่ลงทุนไป ถ้าค่า CPM ต่ำ หมายความว่า เข้าถึงคนได้มาก โดยที่ใช้ต้นทุนน้อย แต่ถ้า CPM สูง หมายความว่า เข้าถึงคนได้น้อย เมื่อเทียบกับต้นทุนที่สูง
การจัดอันดับคุณภาพ คือ การจัดอันดับคุณภาพโฆษณาของ Facebook ของเราเทียบกับโฆษณาอื่น ๆ ของคู่แข่ง โดย Quality Ranking แบ่งออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่
- สูงกว่าค่าเฉลี่ย (Above Average) สูงกว่า 55% ขึ้นไป
- อยู่ในค่าเฉลี่ย (Average) อยู่ในระหว่าง 35-55%
- ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย : 35% ต่ำสุดของโฆษณา
- ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย : 20% ต่ำสุดของโฆษณา
- ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย : 10% ต่ำสุดของโฆษณา
ถ้าแอดของเราอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ก็จะต้องไปปรับปรุงแอด
เมื่อรู้ตัวชี้วัดสำคัญที่ใช้ในการใช้วิเคราะห์ facebook ads แล้ว ก็จะทำให้เราสามารถวิเคราะห์ได้ว่าแอดตัวไหนดี คุ้มค่า หรือแอดตัวไหนไม่ดี ควรปิดไป โดยทุกคนสามารถเรียนรู้วิธีการวิเคราะห์ facebook ads จากบทความต่อไปนี้เลย >> เทคนิคการวัดผลโฆษณา Facebook เบื้องต้น ที่คนทำธุรกิจออนไลน์ควรรู้
ที่มาข้อมูล